บทความ Knowledges
รีวิว ฟิลเลอร์แต่ละชนิด เนื้อแบบไหน เหมาะกับใคร
ฟิลเลอร์คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ (Filler) หรือ สารเติมเต็ม มีคุณสมบัติใช้ในการเติมเต็มร่องริ้วรอย หรือร่องลึกให้ตื้นขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มปริมาตรบนใบหน้าที่หายไปให้กลับมาดูเต็มมากขึ้น เช่น ร่องน้ำตา ร่องแก้ม ริมฝีปาก หน้าผาก ขมับ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และเพิ่มความสดใสให้แก่ผิวได้อีกด้วย ฟิลเลอร์กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน และมีหลายชนิด หลายยี่ห้อ มีทั้งปลอดภัย และไม่ปลอดภัย ซึ่งชนิดที่ปลอดภัย และได้รับการยอมรับมากที่สุด คือ ฟิลเลอร์ที่มาจากสาร Hyaluronic acid หรือเรียกว่า HA filler
ชนิดของฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ในปัจจุบันมีหลายชนิด คุณสมบัติจึงมีความแตกต่าง เพื่อใช้ในการรักษาที่ต่างกันออกไป เช่น เพื่อเติมเต็มร่องลึก เพื่อลดริ้วรอย เพื่อปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดีขึ้น และยังมีคุณสมบัติเพิ่มความโดดเด่นมีมิติให้แก่ใบหน้าอีกด้วย “ในทางการแพทย์อาจมีเกณฑ์แบ่งฟิลเลอร์ได้หลาย ๆ แบบ” ขึ้นอยู่กับว่า นำเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องอะไรมาใช้แบ่ง แต่หมอจะขอแบ่งให้เข้าใจง่ายๆ โดยแบ่งชนิดของฟิลเลอร์ตามเนื้อฟิลเลอร์ ออกเป็น 3 ชนิด
- ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม
- ฟิลเลอร์เนื้อกลาง
- ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง
1.ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม
มีความยืดหยุ่น (Elasticity) หรือการคงรูปที่ต่ำ จึงค่อนไปทางเหลว (คล้าย ๆ เนื้อไข่ขาวที่ไม่สุก) เหมาะสำหรับฉีดบริเวณที่ผิวบาง และไม่ต้องการปริมาตร หรือไม่ต้องการให้เห็นเป็นก้อน ๆ ดูเหมือนผิวไม่เรียบ เช่น ใต้ตา ร่องน้ำตา หรือฉีดในผิวที่บาง มีริ้วรอยที่เกิดจากชั้นผิวและชั้นไขมันลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น ด้วยเทคนิคการฉีดประจายให้ทั่ว ๆ เนื้อผิวที่บาง หรือฉีดเหมือนเติมน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เรียกเทคนิคกลุ่มนี้ว่า Skin booster หรือ skin radiance สามารถใช้ฉีดผิวหน้าให้มีความฉ่ำวาว ชั้นผิวดูหนาขึ้น หรือฉีดเพื่อแก้ปากแห้งได้
Skin booster หรือ skin radiance คืออะไร
ทั้งสองชื่อมีเทคนิคการฉีดที่คล้ายกัน คือ การฉีด Filler เนื้อนิ่มเข้าไปในผิวชั้นหนังแท้ โดยส่วนมากมักฉีดเป็นจุดเล็ก ๆ กระจายทั่วแก้ม เพื่อหวังให้ผิวดูอิ่มน้ำขึ้น แต่จากงานศึกษาของเทคนิค Skin Booster ซึ่งเป็นเทคนิคที่มีมาก่อนนานกว่า 10 ปี การฉีดเทคนิคนี้ต้องการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว เพื่อให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
ส่วนการฉีด Skin radiance เน้นเรื่องการเติมน้ำในผิว ให้ผิวดูเงา ซึ่งหากเปรียบเทียบกันแล้ว สิ่งที่เราต้องการจากการฉีดเทคนิคตื้น ๆ ด้วยฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม คือ การกระตุ้นเซลล์ผิว (fibroblast) ให้สร้างคอลลาเจนใหม่ Protocol หรือหลักการฉีดแบบ Skin Booster จึงเห็นผลมากกว่า เพราะเป็นการฉีดกระตุ้นเดือนละ 1 ครั้ง ทั้งหมด 3 ครั้ง และฉีดเพื่อคงสภาพผิว (Maintenance) อีกที่ 5-6 เดือนถัดมา
ตัวอย่างฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม
ยี่ห้อ Restylane รุ่น Vital light
ยี่ห้อ Belotero รุ่น Soft
ยี่ห้อ Belotero รุ่น Balance
2. ฟิลเลอร์เนื้อกลาง
จริงๆ อาจนับเป็นกลุ่มฟิลเลอร์เนื้อแข็งได้ แต่เนื่องจากเป็นเนื้อแข็งที่มีความยืดหยุ่น ออกไปทางนิ่ม (หมอจึงขอเรียกว่าเป็นกลุ่มเนื้อแข็งกลางๆ) แต่ยังคงตัวได้ดี เหมาะกับการฉีดในคนผิวบาง หรือคนที่ไม่ได้ต้องการให้รูปหน้ามีการเปลี่ยนแปลงมากเกินไป อยากเติมเต็มรูปหน้าให้ดูเต็มแต่เป็นธรรมชาติ ดูมีชีวิตชีวา ทำให้รูปหน้ามีความละมุน นุ่มนวลมากขึ้น
บริเวณที่ฉีด สามารถฉีดได้ตรงหน้าผาก ปาก ขมับ แก้ม แก้มตอบ (sunken cheek) ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
ตัวอย่างฟิลเลอร์เนื้อกลาง
ยี่ห้อ Restylane รุ่น DEFYNE
Restylane กล่องสีน้ำเงิน เป็นฟิลเลอร์เนื้อ Soft gel ผลิตด้วยเทคนิค OBT (Optimal Balance Technique)
ยี่ห้อ Restylane รุ่น Volyme
3. ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง
มีลักษณะเป็นกลุ่มก้อนมากกว่า มีความยืดหยุ่นดีมาก (Good elasticity) เนื้อแข็ง เวลาฉีดจะขึ้นทรง เป็นรูปได้ดี โดยฉีดบริเวณหน้าแก้ม ปรับรูปคาง ขมับ จมูก สันกราม เหมาะกับผู้ที่ต้องการความพุ่ง โดดเด่น และเพิ่มมิติให้กับรูปหน้าอย่างชัดเจน หรือ ผู้ที่มีปัญหาหน้าเริ่มห้อย หน้าตก คนอายุเยอะ หรือเนื้อหนา มีไขมันใต้ผิวเยอะ สามารถใช้ฉีดเทคนิค Filler Lift ได้ โดยใช้ปริมาณเพียงแค่ 2 cc ต่อใบหน้าเท่านั้น
ตัวอย่างฟิลเลอร์เนื้อแข็ง
ยี่ห้อ Restylane รุ่น LYFT
Restylane กล่องสีขาว จะผลิตด้วยเทคนิค NASHA เป็นกลุ่ม Firm gel filler
ยี่ห้อ Belotero รุ่น Intense
เทียบฟิลเลอร์เนื้อกลาง และ เนื้อแข็ง
เนื้อฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่ดี
คุณสมบัติของฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่เราต้องการใช้ฉีดขึ้นทรงใบหน้าให้สวย จะต้องมีค่า Elasticity หรือความยืดหยุ่นที่ดี สามารถคืนรูปทรงกลับมาได้ดี เนื่องจากในผิวของเราจะมีแรงกดแรงดึงกระทำต่อฟิลเลอร์เสมอ โดยเฉพาะเวลาขยับใบหน้า การที่ฟิลเลอร์คืนทรงได้ดี จะทำให้ฟิลเลอร์กลับมาอยู่ที่เดิมที่หมอฉีดเอาไว้ เช่น แก้มยังดูพุ่งเป็นทรง ทำให้หน้ามีมิติ ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปหาก Elasticity ไม่ดีโดนกดและไม่เด้งคืนรูปเดิม แบนลงเรื่อยๆ กลายเป็นแก้มแบนๆ ป้านๆ ดูไม่สวย
ตัวเข็มสำหรับฉีด
เข็ม Sharp หรือเข็มแหลม มักจะให้มากับกล่องฟิลเลอร์ สามารถใช้ฉีดได้เกือบทุกบริเวณ
แต่ในปัจจุบัน เราเน้นเรื่องความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์ เข็มคมจึงได้รับความนิยมลดลง เปลี่ยนเป็นการใช้เข็มยาวปลายทู่แทน
เข็ม Cannula เข็มยาวปลายทู่ ช่วยลดการบอบช้ำของเนื้อเยื่อ ลดโอกาสในการฉีดเข้าเส้นเลือดให้น้อยลง สามารถฉีดได้หลายพื้นที่ ในขณะที่ใช้จุดเปิดเข็มน้อย จึงช่วยลดการเกิดรอยเข็มบนใบหน้า
ความปลอดภัยของการฉีดฟิลเลอร์
นอกจากความปลอดภัยของตัวฟิลเลอร์และอุปกรณ์ ที่ต้องเป็นของแท้ และเป็นสาร Hyaluronic acid แล้ว เทคนิคการฉีด รวมถึงการเลือกชนิดของฟิลเลอร์ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ ส่วนมากการฉีดฟิลเลอร์ เราต้องเลือกใช้ฟิลเลอร์หลายเนื้อให้เหมาะกับบริเวณที่จะฉีด จะไม่ได้ใช้ฟิลเลอร์เนื้อเดียวฉีดทุกจุดของใบหน้า เช่น คนไข้ที่มีปัญหาใต้ตาลึก หรือร่องน้ำตาชัด ต้องใช้ฟิลเลอร์ 2 ชนิด ใต้ตาลึก แก้ไขโดยการฉีดฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่แก้ม เพื่อให้เป็นฐานโครงสร้างในการรองรับร่องใต้ตา แล้วค่อยใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มที่มีคุณสมบัติในการเกลี่ยง่าย บางเบา ทำให้ใต้ตาซึ่งมีลักษณะของผิวที่บางเรียบเนียน ดูสวยเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน ดังนั้น การเลือกเนื้อฟิลเลอร์ จึงต้องเลือกให้เหมาะสมกับผิวของคนไข้เเละโครงสร้างทางใบหน้าการปรับรูปหน้า จึงต้องปรึกษาและให้แพทย์ประเมินให้ตรงจุด เพื่อให้การรักษาผลออกมาสวยและปลอดภัย
Sterile Technique หรือ เทคนิคปลอดเชื้อ ถือเป็นมาตรฐานความสะอาดและความปลอดภัยสำหรับคนไข้ สถานพยาบาล หรือคลินิกที่ทำการรักษา ต้องมีการจัดห้องให้สะอาด ปราศจากเชื้อโรค เพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์หรือตัวยาใด ๆ เกิดการปนเปื้อน หรือแม้แต่เทคนิคการฉีดของแพทย์ ก็ต้องปลอดเชื้อ เช่น ห้ามจับส่วนของเข็มฉีดยาที่จะจิ้มเข้าสู่ผิวของคนไข้ หรือ เทคนิคการเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวบริเวณที่จะฉีดให้สะอาดและปลอดเชื้อมากที่สุด สำลี ผ้าก๊อซ และถาดที่วางอุปกรณ์การฉีดก็ต้องเป็นของใหม่ที่ปราศจากเชื้อด้วยเช่นกัน
บทความโดย พญ. สรวลัย รักชาติ
#ฟิลเลอร์แท้ #เช็คก่อนฉีด ด้วย eZtracker ❗️
#เช็คก่อนฉีด ตรวจสอบ #ฟิลเลอร์ ว่าเป็นของเเท้หรือไม่ ง่ายๆ เพียงเเค่ดาวน์โหลดแอพลิเคชั่น eZtracker เเละสเเกน QR code เท่านี้ก็มั่นใจได้เเล้วว่าฟิลเลอร์ที่เราใช้ ปลอดภัยเเน่นอน
นัดปรึกษาแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ คลิก!