บทความ Knowledges
การรักษาท้องแตกลาย
การรักษาผิวแตกลายมีอยู่ 2 วิธีหลัก ๆ ได้แก่ การรักษาโดยการทายา และการรักษาโดยแพทย์โดยอาศัยเครื่องมือ ยาทาที่นิยมใช้ในการรักษาเป็นยาประเภทที่สามารถกระตุ้นให้มีการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาหรือกระตุ้นให้มีการสร้างหนังกำพร้าหรือหน้งแท้ใหม่ขึ้น เช่น ยาทาที่มีส่วนประกอบของกรดวิตะมินเอ (เรทิโนอิก) หรือกรดผลไม้ เช่น อัลฟาไฮดรอกซี่ (AHA) การทายาให้ได้ผลต้องทาติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 3-4 เดือน การรักษาโดยการทายามักได้ผลในกรณีที่รอยแตกเพิ่งเริ่มเกิดขึ้นใหม่ ๆในขณะที่รอยนั้นยังเป็นสีชมพูอยู่ โดยทั่วไปประสิทธิภาพของการรักษาด้วยการทยามักด้อยกว่าการรักษาด้วยการใช้เครื่องมือ
การรักษาด้วยเครื่องมือมีกี่ชนิด
เครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้สำหรับรักษารอยแตกลายของผิวที่ได้รับการรายงานในวารสารวิชาการทางการแพทย์ว่าได้ผลและมีความปลอดภัย ได้แก่ การกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี (Microdermabraion) เลเซอร์ และคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) การรักษาด้วยเครื่องมือเหล่านี้ต้องรักษาต่อเนื่องกันหลายครั้ง ปกติแล้วควรทำการรักษาทุก 1-2 สัปดาห์ต่อเนื่องกัน 5-10 ครั้ง จำนวนครั้งในการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพความรุนแรงของรอยแตกลายและความพอใจของผู้ป่วย การกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณีออกฤทธิ์โดยการปรับสภาพผิวภายนอกให้เรียบขึ้น ส่วนเลเซอร์ และคลื่นวิทยุออกฤทธิ์โดยการการปรับสภาพผิวภายนอกและกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ขึ้น
การรักษาด้วยเลเซอร์มีกี่ชนิดอะไรบ้าง
เลเซอร์ที่นิยมใช้ในการรักษารอยแตกลายมี 2 ประเภทคือ เลเซอร์ปรับสภาพผิวชนิดแผลน้อย (Fractional laser) และชนิดไม่มีแผล (non-ablative laser) ซึ่งเลเซอร์ทั้ง 2 ชนิดนี้มีหลักการทำงานที่คล้ายกัน คือการกระตุ้นให้มีการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่เพื่อหวังผลให้ผิวบริเวณดังกล่าวเรียบเนียนขึ้น เลเซอร์ปรับสภาพผิวชนิดแผลน้อยที่นิยมใช้ในปัจจุบันคือ เลเซอร์ปรับสภาพผิวเป็นส่วน ๆ ส่วนเลเซอร์ชนิดไม่มีแผลที่นิยมใช้สำหรับรักษารอยแตกลายคือเลเซอร์ดาย (pulsed dye laser) การรักษาด้วยเลเซอร์ทั้งสองประเภทนี้ก็จะเป็นต้องทำการรักษาติดต่อกันหลายครั้งเช่นกัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จำนวนครั้งในการรักษาจะอยู่ประมาณ 5-10 ครั้ง ผลการรักษาด้วยเลเซอร์ปรับสภาพผิวชนิดแผลน้อยจะเห็นผลชัดเจนกว่าชนิดไม่มีแผล และเช่นเดียวกันกับวิธีการรักษาชนิดอื่น ๆที่กล่าวมาแล้ว การรักษารอยแตกลายที่เพิ่งเริ่มเป็นใหม่ ๆจะได้ผลดีกว่ารอยแตกที่เป็นมานาน
การรักษาด้วยเลเซอร์ได้ผลดีแค่ไหน
ดังที่กล่าวแล้วข้างต้นรอยแตกลายที่จริงแล้วก็คือรอยแผลเป็นชนิดตื้น ๆซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่มีทางที่จะรักษาให้เรียนเนียนเหมือนผิวเดิมได้ โดยทั่วไปผลการรักษาด้วยเลเซอร์ปรับสภาพผิวชนิดแผลน้อยจะเห็นผลชัดเจนกว่าชนิดไม่มีแผล และเช่นเดียวกันกับวิธีการรักษาชนิดอื่น ๆที่กล่าวมาแล้ว การรักษารอยแตกลายที่เพิ่งเริ่มเป็นใหม่ ๆจะได้ผลดีกว่ารอยแตกที่เป็นมานาน หากเริ่มรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆเลเซอร์ปรับสภาพผิวชนิดแผลน้อยอาจสามารถทำให้สภาพรอยแตกลายดีขึ้นประมาณ 50%
สิ่งที่ควรระวังในการรักษาด้วยเลเซอร์
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยภายหลังการรักษาด้วยเลเซอร์ชนิดแผลน้อยคือ การเกิดรอยคล้ำ ซึ่งผลข้างเคียงประเภทนี้พบได้ประมาณ 10% ของผู้ป่วย โอกาสเกิดรอยคล้ำหลังการรักษาด้วยเลเซอร์ชนิดไม่มีแผลก็พบได้เช่นกันแต่มีโอกาสเกิดได้น้อยกว่า รอยคล้ำหลังการรักษาด้วยเลเซอร์มักจางหายเองได้ในระยะเวลา 3-6 เดือน
รักษารอยแตกลายด้วยคลื่นวิทยุ
นอกจากวิธีการรักษาด้วยเลเซอร์แล้ว ในปัจจุบันยังใช้นวัตกรรมจากคลื่นวิทยุมาใช้ในการรักษาผิวแตกลาย คลื่นวิทยุจะเปลี่ยนสภาพเป็นพลังงานความร้อนในชั้นหนังแท้ ซึ่งความร้อนในระดับที่พอเหมาะจะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา งานวิจัยจากศูนย์เลเซอร์ผิวหนังศิริราชพบว่ารอยแตกลายของผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเรียบเนียนขึ้นประมาณ 50% ภายหลังการรักษาด้วยคลื่นวิทยุทุกสัปดาห์ต่อเนื่องกัน 6 ครั้ง
ข้อคิดทิ้งท้าย
รอยแตกลายของผิวหนังเปรียบเสมือนรอยแผลเป็นตื้น ๆของผิวหนัง การรักษาที่ถูกต้องและทันเวลาจะช่วยทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น การขจัดสาเหตุของการเกิดรอยแตกลายควรปฏิบัติควบคู่กันไปกับการรักษา เพื่อช่วยให้ได้ผลการรักษาที่ดีขึ้นและเพื่อการป้องกันการเกิดรอยแตกใหม่ขึ้นมาอีก
ขอขอบคุณบทความจาก ศ.นพ.วรพงษ์ มนัสเกียรติ
หนังสือ สวยด้วยเลเซอร์ สำนักพิมพ์อมรินทร์พริ๊นติ้ง