บทความ Knowledges
เรื่องสิวสิว
สิวเป็นปัญหาติดอันดับ 1 ใน 3 ที่ผู้ป่วยมาพบแพทย์ผิวหนัง วัยรุ่นเกือบทุกคนจะต้องผ่านการเป็นสิว ความรุนแรงของสิวจะมากน้อยแตกต่างกันไปตามสภาพผิวของแต่ละคนและประวัติทางพันธุกรรม สิวมักเกิดในบริเวณที่มีความหนาแน่นของต่อมไขมันมาก คือบริเวณใบหน้า หน้าอกและหลัง การเกิดสิวโดยเฉพาะบริเวณใบหน้ามีผลกระทบต่อคุณภาพของชีวิตของผู้ป่วยมากพอ ๆกับการป่วยเป็นโรคด่างขาว ผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิวมักมีความรู้สึกอาย และขาดความมั่นใจในการเข้าสังคม ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักพยายามเสาะแสวงหาการักษาเพื่อหวังให้สิวหายขาด
สาเหตุการเกิดสิว
สิวในวัยรุ่นเกิดจากสาเหตุร่วมกันอย่างน้อย 4 ประการ คือ
- มีการหลั่งของไขมันจากต่อมไขมันมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุจากการมีฮอร์โมนแอนโดรเจนสูง การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปตามธรรมชาติของวัยรุ่น
- มีการอุดตันของท่อต่อมไขมัน หากมีการหลั่งของไขมันออกมาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้ท่อต่อมไขมันพองโตและแตกง่าย จะตามมาด้วยการอักเสบ โดยจะเห็นเป็นตุ่มหนองหรือถุงน้ำ
- เกิดจากการสะสมหมักหมมของเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า .acnes ภายในท่อไขมัน
- การอักเสบของต่อมไขมัน ซึ่งเป็นผลการการอุดตันของท่อต่อมไขมันและเชื้อแบคทีเรีย
สาเหตุอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดสิว
นอกจากสาเหตุที่กล่าวมาแล้วข้างต้นแล้วยังมีปัจจัยภายนอกที่ก่อให้เกิดสิวได้ เช่น
- การรับประทานหรือการทายาสเตียรอยด์
- การแพ้เครื่องสำอาง ที่พบบ่อย คือ โฟมล้างหน้า ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
- การรบกวนผิว เช็ดถูหน้าแรง การขัดหน้านวดหน้า
- ความเครียด การนอนดึก
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงมีรอบเดือน
สิวรักษาอย่างไร
วิธีการรักษาสิวซึ่งถือเป็นมาตรฐานได้แก่การทายาและการรับประทานยา ซึ่งยาเหล่านี้เป็นยาที่คุณสมบัติในการแก้ไขสาเหตุหลัก 4 ประการที่ก่อให้เกิดสิวดังกล่าวมาแล้วข้างต้น การรักษาร่วมอื่น ๆที่ถือเป็นมาตรฐาน ได้แก่ การกดสิวเพื่อรักษาสิวอุดตัน การฉีดยาสตีรอยด์ที่สิวอักเสบ และการลอกผิวด้วยกรด (Chemical peel) เพื่อลดสิวอุดตันและลดรอยคล้ำจากสิว
เลเซอร์และแสงใช้รักษาสิวได้จริงหรือ
การนำเลเซอร์และแสงมาใช้รักษาสิวเพราะเชื่อว่าพลังงานแสงสามารถออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า P. acnes ลดการอักเสบของสิว และลดการทำงานของต่อมไขมัน เลเซอร์และแสงที่นิยมนำมาใช้เพื่อการนี้ได้แก่ เลเซอร์เพาส์ดาย (pulsed dye laser) เลเซอร์ไดโอดที่ความยาวคลื่น 1,450 nm เครื่อง IPL และเครื่องปล่อยแสง LED (light-emitting diode) ที่ปล่อยแสงสีน้ำเงินและสีแดง การรักษาด้วยเลเซอร์และแสงมักได้ผลดีกับสิวอักเสบ โดยทั่วไปสามารถลดจำนวนสิวอักเสบได้ประมาณ 50-60% หลังจบกระบวนการรักษา แต่วิธีนี้ไม่ค่อยได้ผลกับสิวอุดตัน การรักษาสิวด้วยเลเซอร์และแสงไม่ได้ผลดีไปกว่าการรักษาโดยการการทายาและการรับประทานยา ผลการรักษาสิวด้วยเลเซอร์และแสงมักคงอยู่ประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากการรักษาโดยการทายาและการรับประทานยา
ขั้นตอนการรักษาเป็นอย่างไร
การรักษาสิวด้วยเลเซอร์และแสงมี 2 แบบ แบบแรกคือการเลเซอร์หรือฉายแสงไปตรง ๆ ที่ผิวหนังเลย ส่วนอีกแบบคือการทาสารไวแสงบริเวณผิวหนังแล้วค่อยเลเซอร์หรือฉายแสงตาม สารไวแสงที่ซึมลงไปในผิวหนังจะช่วยให้เกิดการทำลายต่อมไขมันและเชื้อแบคทีเรียมากขึ้น การรักษาต้องทำติดต่อกันหลายครั้ง ทุก 1-4 สัปดาห์แล้วแต่ชนิดของเครื่องมือ แบบแรกมักเป็นที่นิยมกว่าเพราะสะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาคอยให้สารไวแสงซึมเข้าผิวหนัง ไม่มีอาการเจ็บระหว่างการรักษา และโอกาสเกิดผลข้างเคียงหลังการรักษาน้อยมาก แต่จะได้ผลน้อยกว่า ข้อเสียของการรักษาแบบการทาสารไวแสงนอกจากการเสียเวลาแล้ว คือการแสบร้อนระหว่างการรักษา และอาการบวมแดง และผิวลอกหลังการรักษา
เมื่อไหร่จึงควรรักษาสิวด้วยเลเซอร์
การรักษาสิวด้วยเลเซอร์และแสงอาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองกับการรักษาด้วยวิธีการรักษาด้วยการทาและการรับประทานยา ผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ยาทาหรือยารับประทานหลายขนาน และผู้ป่วยที่ไม่ต้องการรับประทายยารักษาสิวติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ แต่ทั้งนี้การรักษาสิวด้วยเลเซอร์และแสงมักไม่ค่อยได้ผลกับสิวอุดตัน ดังนั้นเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีขึ้น อาจพิจารณาการรักษาที่ควบคู่กันไปกับการทายาที่มีคุณสมบัติในการสลายสิวอุดตัน
แล้วทำไมบางที่ใช้เลเซอร์รักษาสิวอุดตัน
ดังที่กล่าวข้างต้นแล้วว่าเลเซอร์และแสงไม่ได้ผลดีสำหรับการรักษาสิวอุดตัน การรักษาสิวอุดตันแบบมาตรฐานคือการทายาร่วมกับการกดสิว ซึ่งแพทย์จะใช้เข็มปลายแหลมสะกิดผิวตื้น ๆ (เปิดหัวสิว) และใช้เครื่องมือกดหัวสิวออกออก สถานบริการบางแห่งนำเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์มาใช้เพื่อเปิดหัวสิวเท่านั้นเอง ซึ่งในบางครั้งอาจเกิดผลข้างเคียงคือ แผลหลุมหรือรอยคล้ำหลังเลเซอร์ก็ได้
ข้อคิดทิ้งท้าย
ธรรมชาติของสิวจะเป็นๆ หายๆ ดังนั้นเมื่อสิวหายไปแล้วก็จะมีโอกาสกลับมาใหม่ ไม่มียาสิว เลเซอร์ หรือแสงชนิดใด ๆที่จะทำให้สิวหายขาด การรักษาที่ถูกต้องและทันถ่วงทีมีส่วนสำคัญในการลดหรือป้องกันการเกิดรอยคล้ำและแผลหลุมจากสิวได้