บทความ Knowledges
ผิวหย่อน หนังยาน
ผิวหนังของเราจะเปลี่ยนแปลงสภาพไปตามอายุ นอกจากริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เป็นสัญณาณแห่งความชราภาพของผิวหนังแล้ว ภาวะผิวหย่อนยานก็เป็นอีกการเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราอายุมากขึ้น เส้นใยคอลลาเจนเปรียบเสมือนตาข่ายสปริงที่ประสานกันเป็นร่างแหทำหน้าที่ค้ำจุนผิวหนังให้เรียบตึงและมีความยืดหยุ่นสามารถยืดหดได้เมื่อเกิดการดึงรั้งและการกดทับ การเสื่อมสภาพของเส้นใยคอลลาเจนมีสาเหตุหลักจากการทำลายของแสงแดดและสาเหตุรองจากการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา
ผิวหย่อนยานต้องแก้ไขที่จุดไหน
หนังแท้ตั้งแต่ชั้นบนสุดจนถึงชั้นที่ติดกับชั้นไขมันมีเส้นใยคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบหลัก การเสื่อมสภาพของเส้นใยคอลลาเจนในชั้นบนจะทำให้เกิดริ้วรอนเหี่ยวย่นขึ้น ส่วนการเสื่อมสภาพของเส้นใยคอลลาเจนในระดับลึกนอกจากก่อให้เกิดริ้วรอยที่ผิวหนังชั้นนอกแล้วยังทำให้ผิวหนังหยอนคล้อยและขาดความยืดหยุ่น ส่วนของผิวหนังที่เห็นการหย่อนยานได้ชัดเจนได้แก่ บริเวณแก้ม ร่องแก้ม ใต้คาง และคอ การแก้ไขความหย่อนยานของผิวจึงควรมุ่งเน้นวิธีการรักษาที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ในระดับที่ลึกพอที่จะก่อให้เกิดการชับของผิว
วิธีการรักษามีอะไรบ้าง
วิธีการรักษาผิวหย่อนยานมี 2 วิธีหลัก ได้แก่ การผ่าตัดเพื่อดึงผิว (Facelift) และการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนในระดับที่ลึกพอที่จะสามารถกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนได้ตลอดแนวตั้งแต่หนังแท้ชั้นบนจนถึงชั้นที่อยู่ติดกับชั้นไขมัน เพื่อให้เกิดแรงยกกระชับสูงสุด การทายามักไม่ได้ผลเพราะยาทาไม่สามารถกระตุ้นปริมาณการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ได้มีประสิทธิภาพมากพอที่จะส่งผลให้ผิวยกกระชับขึ้น การรักษาโดยวิธีการผ่าตัดเหมาะสำหรับ
เลเซอร์รักษาได้ไหม
เลเซอร์ความสามารถในการทะลุทะลวงจำกัด ทำหน้าสามารถกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนเฉพาะบริเวณหนังแท้ชั้นนอก ๆ จึงเหมาะสำหรับเพื่อการรักษาริ้วรอยย่น ส่วนภาวะการหย่อนคล้อยของผิวเกิดจากการเสื่อมสภาพของเส้นใยคอลลาเจนในระดับลึกเกิดกว่าพลังงานของแสงเลเซอร์ทั่ว ๆไปจะลงไปถึง ดังนั้นเลเซอร์สามารถช่วยให้ผิวหนังกระชับขึ้นน้อยมาก
RF หรือ คลื่นวิทยุ
RF ย่อมาจาก Radiofrequency เป็นเครื่องมือที่ปล่อยพลังงานของคลื่นวิทยุเพื่อทำให้เกิดความร้อนขึ้นในหนังแท้ ความร้อนที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นให้เส้นใยคอลลาเจนเก่าเกิดการหดตัวและกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา RF สามารถส่งพลังงานลงไปในหนังแท้ในระดับที่ลึกกว่าแสงเลเซอร์ จึงสามารถกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนได้มากกว่า
ความรู้สึกระหว่างการรักษาเป็นอย่างไร
RF ที่มีใช้ในปัจจุบันแบ่งประเภทเป็น 3 ชนิดคือ ชนิดขั้วเดียว (mono-polar) ชนิดสองขั้ว (bi-polar) และชนิดสามขั้ว (tri-polar) RF ชนิดขั้วเดียวสามารถส่งพลังงานความร้อนลงลึกที่สุด ผู้ป่วยจึงรู้สึกเจ็บมากที่สุด แต่เป็นระดับความเจ็บที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ทนได้โดยไม่ต้องใช้ยาชา RF ชนิดสองขั้วให้ความร้อนได้ในระดับที่ตื้นที่สุดจึงรู้สึกเจ็บร้อนที่สุด ส่วน RF ชนิดสามขั้วจะรู้สึกในระดับกลาง ระหว่างชนิดขั้วเดียวกับชนิดสองขั้ว
ผิวที่ตำแหน่งไหนที่ใช้ RF ได้
ทุกส่วนของผิวหน้าตั้งแต่บริเวณหน้าผาก แก้ม ร่องแก้ม เปลือกตาบน ใต้คาง และคอ สามารถยกกระชับได้ด้วย RF ไม่ใช่แต่ใบหน้าที่เดียวที่ผิวหนังจะหย่อนคล้อย ยังมีผิวส่วนอื่น ๆของร่างกายที่อาจมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยและสามารถแก้ไขได้ด้วย RF เช่น เช่น บริเวณท้องแขน หน้าท้อง ต้นขา และก้น เนื่องจากระดับความร้อนจาก RF อาจลงไปได้ลึกถึงระดับชั้นไขมัน ดังนั้น RF จึงใช้ในการรักษาภาวะผิวเปลือกส้มหรือเซลล์ลูไลท์ได้ด้วย
ใครบ้างที่เหมาะกับ RF
ท่านที่เหมาะกับการยกกระชับผิวด้วย RF คือท่านผู้มีอายุระหว่าง 40-50 ปีที่เพิ่งเริ่มมีความหย่อนคล้อยของผิว และกลัวการผ่าตัด ส่วนท่านที่อายุเกิน 50 ปีและไม่อยากผ่าตัดก็อาจสามารถยกกระชับด้วย RF ได้ แต่อาจได้ผลไม่ดีนัก
ต้องรักษากี่ครั้งจึงจะเห็นผล
RF ชนิดขั้วเดียวมักทำการรักษาเพียงครั้งเดียว อาจเป็นเพราะสามารถส่งผ่านพลังงานความลงไปในหนังแท้ได้ในระดับลึก ส่วน RF ชนิดสองและสามขั้วมักต้องทำการรักษาทุกเดือนติดต่อกันประมาณ 5-6 ครั้ง ขึ้นกับตำแหน่งของผิวหนังและความรุนแรงของปัญหา
ผลการรักษาอยู่นานแค่ไหน
ภายหลังการรักษาผิวหนังจะคงสภาพความตึงและกระชับอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ทั้งนี้จะขึ้นอยู่สภาพผิวและการตอบสนองของแต่ละบุคคล
ข้อคิดทิ้งท้าย
RF เป็นการรักษาผิวหนังหย่อนโดยการกระตุ้นให้ผิวหนังสร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นใหม่ ผลการรักษาจะมากหรือน้อยนอกจากขึ้นกับชนิดของ RF และคุณภาพของเครื่องแล้ว ยังขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละคนที่ตอบสนองกับการกระตุ้นด้วยความร้อนในระดับที่ต่างกัน
ขอขอบคุณบทความจาก ศ.นพ.วรพงษ์ มนัสเกียรติ
หนังสือ สวยด้วยเลเซอร์ สำนักพิมพ์อมรินทร์พริ๊นติ้ง