บทความ Knowledges
ลบรอยสัก ลบสักคิ้ว ไม่อยากพังต้องอ่าน
บทความโดย พญ.สรวลัย รักชาติ
หมอพบว่าหลายคนที่มาลบรอยสัก ส่วนมากเกิดจากการที่ไม่ชอบนั่นเอง เช่น สักแล้วไม่สวย สักแล้วไม่เท่ากัน สักแล้วหน้าเปลี่ยนจากคิ้วตรง ๆ จากดูน่ารักกลายเป็นคิ้วโก่งไป ไม่ชิน บางคนก็สีคิ้วไม่สวย ดำไป หน้าดูดุ บางคนก็อายุเยอะแล้วคิ้วตกจะสักใหม่
คิ้วตก คิ้วสักพลาด สำหรับคนที่จะสักใหม่แล้วมาลบอย่างถูกวิธี* แต่พบว่าหลายคนเกิน 90% เลย ลบผิดวิธีมาก่อน! “เพราะ ?” คุณปรึกษาผู้ที่ไม่ใช่แพทย์แทนที่จะปรึกษาแพทย์ทางด้านผิวหนังและเลเซอร์เพื่อลบรอยสักค่ะ
ผิดอย่างไร ?
- สักสีเนื้อทับแล้วสักหางคิ้วใหม่กลายเป็นคิ้ว 2 แฉกจริง ๆ หมอเคย Live Facebook หลายครั้ง เรื่องการสักทับด้วยสีขาวหรือสีเนื้อนะคะ ว่ายังไงแล้วสีผิวของเรามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดนแดดเข้มขึ้นได้ ก็ขาวลงได้ ดังนั้นไม่มีการสักสีเนื้อที่ทำให้เนียนไปกับผิวเราได้ไปตลอด สักสีเนื้อแก้ แต่ได้ผลแย่กว่าเดิม
- การสักสีเนื้อทำให้รอยสักคุณลบได้ยากกว่าเดิมค่ะ เพราะกลุ่มสีสักที่เป็นสีเนื้อสีที่มาผสมเป็นสีเนื้อพวกแดงเหลืองส้มจะมีส่วนประกอบพวก iron oxide และ titanium oxide (ขาว) เมื่อโดนแสงเลเซอร์จะเปลี่ยนเป็นสีดำทำให้จำนวนครั้งที่ลบเพิ่มมากขึ้น
- จะสักใหม่แต่ลบรอยสักโดยให้ร้านสักที่ไม่ใช่แพทย์ลบส่วนนี้บอกเลยว่า พังกันมาเยอะ เช่น เกิดแผลเป็นมากกว่าเดิม
จากประสบการณ์ที่ได้เจอคนไข้พบว่า ร้านสักส่วนใหญ่ มักใช้สารน้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่างอย่างแรงกัด เพื่อลบรอยสักโดยบอกคนไข้ว่าเป็นน้ำยาลบรอยสัก การใช้กรดกัดกรดจะซึมลึกลงในผิว โดยไม่สามารถกำหนดความลึกได้ ทำให้เกิดการทำลายผิวหนังทั้งหมดไม่ได้ทำลายเฉพาะเม็ดสีสัก เมื่อเกิดการทำลายเนื้อเยื่อและการอักเสบที่มากเกินควบคุมทำให้เกิดแผลเป็นได้
หรือใช้การขัด หรือใช้เข็มจิ้มเพื่อหวังให้เกิดแผลแล้วสีสักจะค่อย ๆ หลุดออกมาจริง ๆ แล้ว วิธีนี้ถือเป็นการลบรอยสักในสมัยก่อนตอนที่ยังไม่มีเลเซอร์เรียกว่า Dermabrationโดยใช้เข็มจิ้มหรือกระดาษทรายขัดให้ผิวหลุดลอกแต่ไม่ใช้ในปัจจุบันหลังมีเลเซอร์ลบรอยสัก เนื่องจากมีโอกาสเกิดแผลเป็นได้มากและติดเชื้อโดยเฉพาะหากใช้เข็มซ้ำกับผู้อื่น
การลบรอยสักที่ถูกวิธี
ปัจจุบันการแพทย์พัฒนาไปไกลมากจนบางครั้งเราตามไม่ทันนะคะ วิธีที่ถือว่าเป็นมาตรฐานการรักษา Gold standard การลบรอยสัก คือ การลบด้วยเลเซอร์กลุ่มรักษาเม็ดสีและรอยดำ (pigment specific laser) ค่ะ
ทำไมเลเซอร์ถึงเป็น Gold standard ในการลบรอยสัก?
เพราะแสงเลเซอร์จะเลือกทำลายเฉพาะเม็ดสีเท่านั้น ทำให้โอกาสเกิดแผลเป็นน้อยมาก หากลบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเลเซอร์
จากทฤษฎี Photothermolysis การให้แสงเลเซอร์ในระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ กับเม็ดสีสักจะเกิดการทำลายเฉพาะเม็ดสี โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อที่อยู่ข้างเคียง หรือก็คือเนื้อผิวปกติของเรา (คล้ายกับต้มน้ำให้ร้อนพอดีไม่ใช่ร้อนเดือดจนน้ำร้อนพุ่งกระจายไปรอบ ๆกาน้ำ) – ขออธิบายอย่างสั้นเพื่อให้เข้าใจง่าย ๆนะคะ
ปล่อยแสงสั้นขนาดไหนถึงเหมาะจะทำ เม็ดสีสักลบรอยสักโดยไม่เกิดแผลเป็น ?
สั้นระดับ250-1000 Nanoseconds เพราะฉะนั้นเลเซอร์ที่จะใช้ลบรอยสักได้ต้องปล่อยแสงเลเซอร์ที่เวลาสั้นมากๆๆๆๆระดับ Nanosecond หรือ Picosecond
คิดให้ดีก่อนตัดสินใจสัก เพราะการสักมีผลข้างเคียง!!!
- ไม่ชอบไม่เท่า
- แพ้สีสักโดยเฉพาะสีแดงที่มีส่วนประกอบ Mercury sulfide
- แผลเป็นนูน Keloid
- เริมเห่อ (Herpes simplex)
พิจารณาความปลอดภัยก่อนสักต้องสะอาดและปลอดเชื้อ
- เปลี่ยนเข็มทุกครั้ง1เข็ม1คนใช้แล้วทิ้ง
- สีสักใหม่สะอาดปลอดเชื้อแบ่งมาใช้ไม่หมดต้องทิ้ง
?ลองคิดดูว่า หากสีใช้แล้วใช้อีกโดยเข็มที่เปื้อนเลือดหลังการสักจุ่มแล้วจุ่มอีกในกระป๋องสีจะเสี่ยงติดสาระพัดเชื้อขนาดไหน
การเจาะการสักเสี่ยงติดโรค โดยโรคติดเชื้อที่ติดทางเลือด และเข็ม เช่น
ไวรัส
- HIVเอดส์
- HBV ตับอักเสบบี
- HCVตับอักเสบซี
- Herpes simplex virus เริม
- Wart หูด
- Herpes zoster งูสวัส
- Molluscun contagiosun หูดข้าวสุก
- Rubella หัด
แบคทีเรีย
- ฝีฝักบัว Furunculosis
- วัณโรคผิวหนัง Tuberculosis cutis
- เรื้อน Leprosy
- ซิฟิลิส Siphilis
- เชื้อรา Fungal Infection
- Pitfall in sterile technique
สักอันตราย!!!
- เข็มสักที่ไม่ปลอดเชื้อ, ปลอดเชื้อแต่การจับไม่ถูกวิธีทำให้ปนเปื้อนเชื้อจากมือ หรือสิ่งแวดล้อม, มีการใช้ซ้ำ หรือการฆ่าเชื้อที่ไม่ถูกวิธี
- สีสักไม่ปลอดเชื้อ, ภาชนะใส่สีสักไม่ปลอดเชื้อ หรือการใช้สีซ้ำ
ข้อเสียของการลบรอยสัก
- เจ็บ
- ราคาแพง
- ใช้เวลานาน
- ผลข้างเคียงจากการรักษาที่อาจเกิดแผลเป็น สีผิวเปลี่ยน(ดำ, ขาว)
- ลบได้ยากโดยเฉพาะในคนผิวสี
- สักทับสีขาวสีเนื้อ (ferric or titanium oxide) สีแดง-> laser แล้วเปลี่ยนเป็นสีดำ